ไม่หักภาษีจากต่างประเทศ = บริษัทในไทยต้องเสียแทน!
✴️ บทนำ
หลายกิจการในไทยมีการว่าจ้างหรือซื้อบริการจากต่างประเทศ เช่น ซอฟต์แวร์, ค่าลิขสิทธิ์, บริการโฆษณา, ที่ปรึกษา ฯลฯ ซึ่งกรณีเหล่านี้ มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) แล้วนำส่งกรมสรรพากรในไทยโดยยื่นแบบ ภ.ง.ด.54
หากไม่หัก — ต้องรับผิดชอบจ่ายภาษีนั้นแทน พร้อมดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ
⚖️ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-
มาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร
หากมีการจ่ายเงินจากไทยให้แก่ผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย (Non-resident) และเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2)–(6) ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งในไทย -
แบบ ภ.ง.ด.54
คือเอกสารยื่นภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับการจ่ายเงินให้ต่างประเทศ โดยยื่นภายในวันที่ 7 หรือ 15 (กรณียื่นออนไลน์) ของเดือนถัดไป -
หากไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย
ผู้จ่ายเงิน (บริษัทในไทย) ต้องเสียภาษีนั้นแทน และอาจถูกคิดดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน และ ค่าปรับ 100% ของภาษี (หรือ 50% หากแสดงความสมัครใจ)
📌 ตัวอย่างกรณี
บริษัท A ในไทยจ่ายค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ให้บริษัท B ในสหรัฐ
มูลค่า 1,000,000 บาท แต่ไม่ได้หักภาษี ณ ที่จ่ายต้องเสียภาษีแทน (15%) = 150,000 บาท
ดอกเบี้ยย้อนหลัง
อาจมีเบี้ยปรับหากถูกตรวจสอบย้อนหลัง
✅ วิธีป้องกันความเสี่ยง
-
ตรวจสอบทุกครั้งว่าเงินที่จ่ายออกต่างประเทศเข้าข่ายต้องหักภาษีหรือไม่
-
สอบถามสิทธิประโยชน์จากอนุสัญญาภาษีซ้อน (ถ้ามี)
-
ยื่นแบบ ภ.ง.ด.54 ให้ทันตามกำหนด พร้อมนำส่งภาษีถูกต้อง
-
ขอใบรับรองถิ่นที่อยู่ (Certificate of Residence) จากคู่ค้า เพื่อใช้สิทธิลดภาษี
-
ขอคำปรึกษาจากสำนักงานบัญชีหรือผู้สอบบัญชีทันที หากไม่แน่ใจ
🧠 สรุป
ไม่หักภาษีจากต่างประเทศตอนจ่ายเงิน = บริษัทในไทยต้องเสียภาษีนั้นแทน
ส่งผลเสียทั้งด้านภาระทางภาษี และความเสี่ยงถูกตรวจสอบย้อนหลัง
ควรมีระบบตรวจสอบทุกรายจ่ายต่างประเทศ และยื่น ภ.ง.ด.54 อย่างเคร่งครัด
A&V Account Office Co., Ltd.
ผู้เชี่ยวชาญด้านการยื่นแบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายจากต่างประเทศ พร้อมคำแนะนำตามอนุสัญญาภาษีซ้อน